บทที่ 17 6.3 กรรมตามสนอง
หานฮ่องเต้ทรงไม่สบายพระทัยนัก ยามเห็นพระพักตร์ของบุตรชายคนรองซึ่งมองข้ามพระองค์อย่างชัดเจน ทรงไม่คิดโกรธเคืองหานไท่หยาง แต่ทว่าทรงเสียพระทัยที่ไม่อาจชดเชยช่วงเวลาของบุตรชายที่เสียไป ทรงหันไปมองใบหน้านิ่งขรึมและแววตาแฝงไปด้วยความอำมหิตของหานไท่หยางด้วยความรู้สึกเสียใจ
หลิวฮองเฮาทรงเข้าพระทัยดีว่าพระสวามีทรงคิดอ่านเช่นไร ทรงกล่าวปลอบ “ฝ่าบาทเพคะ ให้เวลาลูกสักหน่อยเถิด ลูกกลับมาอยู่เมืองหลวงคราวนี้ฝ่าบาทจะได้ใช้เวลาอธิบายทุกอย่างให้ลูกฟัง”
“แต่ว่าข้า...”
หลิวฮองเฮาทรงยิ้มพลางเอ่ยขัด “วันนี้วันมงคลของเสด็จแม่ เราหยุดพูดเรื่องนี้กันเถิดเพคะ”
จู่ๆ หลิวฮองเฮาทรงกล่าวขึ้นมา
“เนื่องในวันนี้เป็นวันพระราชสมภพของเสด็จแม่ ข้าได้ยินมาว่า
หลานสาวข้าจางอวิ๋นซี นางได้เตรียมการร่ายรำมาถวาย จึงอยากให้นางได้ออกมายืนแสดงการร่ายรำต่อเบื้องพระพักตร์เถิด” หลิวฮองเฮาทรงทอดพระเนตรจางอวิ๋นซีที่นิ่งอึ้ง!
รำบ้าบออะไรกัน? ไม่เห็นมีใครบอกฉันสักนิด!...จางอวิ๋นซีคิดในใจ เมื่อสักครู่นางเกือบสำลักสุราจอกที่ดื่มเข้าไป
“ไม่กล้ากระมังเพคะ...” จางเซียวหรูจงใจเอ่ยเสียงดังให้น้องสาวต่างมารดาอับอายด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
นางหันไปกระซิบกับหรูหรง “ต้องรำแบบไหน?”
“ทุกๆ ปี คุณหนูจะเตรียมการร่ายรำมาถวายเองเลยเจ้าค่ะ” หรูหรงตอบ
จางอวิ๋นซีเอามือกุมหน้าผากอย่างกลัดกลุ้ม หากรู้ว่าจะต้องมีการแสดงมหรสพรื่นเริงแบบนี้ นางจะรีบเตรียมการแสดงมาล่วงหน้าเลย ไม่ต้องมานั่งคิดสดแบบนี้แน่ ยิ่งคิดยิ่งกลุ้มใจ!
“ออกไปสิ!” จางเยี่ยนกล่าวกับบุตรสาวด้วยสีหน้าแกมตำหนิ จาง อวิ๋นซีไม่มีทางเลือก นางจึงยอมออกไปยืนเก้ๆ กังๆ อยู่บริเวณลานหินอ่อน ที่กำลังจะใช้เป็นเวทีสำหรับนางรำหลวง แต่สำหรับการร่ายรำของนางนั้นถือเป็นการร่ายรำชุด
พิเศษที่หรูหรงบอกว่านางมักรำถวายไทเฮาทุกปี
สายตาคมปลาบของหานไท่หยางมองจางอวิ๋นซีไม่วางตา อาภรณ์อันงดงามที่นางสวมใส่ในวันนี้ ทำให้นางที่ปกติงดงามเป็นนิจอยู่แล้วกลับงดงามมากขึ้นไปอีก จากปกติที่เขามองนางเป็นเพียงสตรีธรรมดา ใบหน้าเศร้าหม่น แต่วันนี้เขากลับได้มองนางใหม่อีกครั้ง เป็นนางที่งดงามสะกดยิ่งนัก
จางอวิ๋นซียืนด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ อยู่บริเวณลานหินอ่อนเบื้องพระพักตร์เชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย มีหานอี้ที่ส่งสายตาและรอยยิ้มหวานมีเสน่ห์มาให้ ก่อนที่นางจะเห็นสายตาดุของหานไท่หยางที่มองนางไม่วางตาเช่นกัน หญิงสาวรู้สึกประหม่ายิ่งนักยามต้องอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ แล้ววันนี้เธอจะต้องมายืนเต้นรำในงานนี้อีก แทบจะบ้าตาย! เธอจับแต่มีด เจอแต่น้ำหนองและเลือดเนื้อ เคยแสดงในงานรื่นเริงแบบนี้ที่ไหนกัน!
“ท่านพ่อ หรือว่าน้องหญิงจะป่วยดั่งคำร่ำลือจริงๆ เจ้าคะ” จางเซียวหรูแสร้งเอ่ยเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน หานฮ่องเต้ทรงถามจางเยี่ยน
“นางป่วยหรือใต้เท้าจาง” หานฮ่องเต้ทรงถามขุนนางอาวุโส
จางเยี่ยนลุกขึ้น ประสานมือกราบทูลด้วยท่าทีตื่นตระหนก “พะยะค่ะ นับตั้งแต่วันที่บุตรสาวคนเล็กหายตัวไปจากบ้าน นางก็...”
จางอวิ๋นซีที่ยืนอยู่ลานหินอ่อนตรงกลาง นางมองจางเซียวหรูที่ลอบยิ้มกับมารดาด้วยความสะใจ พวกนางคงสะใจมากที่เห็นผู้คนมากมายที่เห็นเหล่าเชื้อพระวงศ์เริ่มมีคำถามกับตัวนางมากมาย
มาดูถูกแม่แบบนี้ เดี๋ยวแม่จะเอาให้อึ้งกันทั้งตำบลเลยคอยดูสิ!
จางอวิ๋นซีกล่าวแทรกแทนบิดากับหานฮ่องเต้
“ทูลฝ่าบาท ที่ท่านพ่อกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริงเพคะ เป็นเพราะหม่อมฉันถูกเล่ห์กลของคนชั่วหลอกลวงไปหวังทำร้าย...” จางอวิ๋นซีกล่าว นางมองสองแม่ลูกหลี่ฮูหยินกับจางเซียวหรูชั่วขณะหนึ่งพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก จางเซียวหรูเริ่มตัวสั่นด้วยเกรงว่าจางอวิ๋นซีจะรู้ความจริง
อันที่จริงเรื่องการทำร้ายจางอวิ๋นซีคนเก่านั้นเดาได้ไม่ยากเลย แต่เธอต้องการหาหลักฐานที่จะกระชากสองแม่ลูกนั้นให้ดิ้นไม่หลุด!
“ใครกันที่ลอบทำร้ายเจ้า บอกเรามาเราจะสั่งให้สืบสวนเรื่องนี้ถึงที่สุด!” หานไทเฮาทรงกล่าวเสียงดัง เข้าทางจางอวิ๋นซีนัก
